ข้อแตกต่างระหว่างโพลีคาร์บอเนตกับเมทัลชีทในการนำมาทำเป็นหลังคาโรงรถ

%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%87

วันนี้ bprungruang.com จะพามาเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างเมทัลชีทกับโพลีคาร์บอเนตวัสดุที่นิยมในการทำหลังคาโรงรถ เมื่อพูดถึงวัสดุมุงหลังคาอย่างเมทัลชีทกับโพลีคาร์บอเนตเราจะรู้จักกันดีว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการนำมาตกแต่งและมุงหลังคาให้กับหลังคาโรงรถและหลังคากันสาด ถึงแม้จะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการนำมาทำเป็นหลังคาโรงรถแต่วัสดุทั้งสองชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกัน โดยเรามาดูคุณสมบัติและความแตกต่างของวัสดุทั้ง2ชนิดนี้กัน เมทัลชีท ข้อดี มีน้ำหนักที่เบาสามารถใช้กับโครงหลังคาหรือกันสาดแบบไหนก็ได้ มีอายุการใช้งานยาวนาน 10-15 ปี จะกันฝนได้ดีเพราะมีรอยต่อน้อย ทำให้โอกาศรั้วน้อยมาก สวยทนนานมีสีที่สม่ำเสมอ ติดตั้งง่าย มีราคาไม่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับโพลีคาร์บอเนต สามารถติดแผ่นฉนวนกันความร้อนเพื่อช่วยกันในสะท้อนความร้อนและป้องกันเสียงที่เกิดจากฝน ข้อเสีย มีเสียงที่ดังและทุ้มเมื่อฝนตกเนื่องจากเป็นวัสดุโลหะแก้ไขได้โดยการผิดฉนวนหรือฉีดโฟมกันความร้อน เป็นวัสดุทึบแสง ทำให้ลดความโปร่งของกันสาดหรือโรงจอดรถ เนื่องจากเป็นโลหะจึงทำให้เกิดความร้อนสะสมกว่าวัสดุอื่น มีความสวยงามน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโพลีคาร์บอเนต โพลีคาร์บอเนต ข้อดี น้ำหนักเบาคงทน สามารถใช้ได้กับทุกโครสร้าง สามารถดัดโค้งงอได้ มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ออกแบบดีไซน์ได้มากมาย วัสดุมีความโปร่งแสง ทำให้หลังคากันสาดมีความโปร่งแสงมากขึ้น มีความทนทานและรับน้ำหนักได้มาก มีขั้นตอนการติดตั้งที่สะดวกรวดเร็ว ระหยัดโครงสร้าง มีเสียงรบกวนที่ต่ำกว่าวัสดุโลหะอย่างเมทัลชีท ข้อเสีย ต้องใช้การติดตั้งที่ระมัดระวังด้วยอุปกรณ์ที่ถูกต้อง มีราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุอย่างเมทัลชีท สามารถเกิดคราบราหรือตะไคร้ขึ้นได้ เนื่องจากเป็นวัสดุโปร่งแสงจึงสามารถเห็นได้ชัด